หลาย ๆ คนน่าจะรู้ถึงความสำคัญของการมี “ประกันสุขภาพ” กันอยู่แล้ว ว่าสามารถเป็นเบาะรองรับค่ารักษาพยาบาลที่ช่วยเราในวันที่เจ็บตัวไม่ให้เจ็บไปถึงกระเป๋าได้ ดังนั้น การมีประกันสุขภาพดี ๆ ติดตัวเอาไว้จึงช่วยให้เราและคนรอบข้างได้อุ่นใจ แต่พอถึงตอนที่ต้องเลือกซื้อทีไรก็ต้องปวดหัวไปทุกที เพราะทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพนั้นมีให้เลือกเยอะไปหมด แล้วยังหลากหลายทั้งความคุ้มครองและราคา จึงทำให้ตัดสินใจได้ยาก สำหรับใครที่อยากทำประกันสุขภาพ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร มีอะไรบ้างที่ต้องพิจารณา แล้วต้องเลือกทำวงเงินเท่าไรจึงจะเหมาะสม บทความนี้ AIA มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นทำประกันสุขภาพมาฝากกันครับ
1) ทำไมจึงควรมีประกันสุขภาพติดตัว
ประกันสุขภาพถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมีติดตัวไว้ คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเราแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย จะทำประกันสุขภาพไปทำไม แต่ในความเป็นจริงไม่ว่าใครก็มีโอกาสเจ็บป่วยกันได้ทั้งนั้น และไม่มีใครไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าความเจ็บป่วยจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไร
นอกจากนี้ค่ารักษาพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชนยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลในอดีต พบว่า ค่ารักษาพยาบาลของแต่ละคนจะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับ 6 – 8% ต่อปี กล่าวคือทุก ๆ 9 – 12 ปี ค่ารักษาพยาบาลมีโอกาสจะเพิ่มเป็น 2 เท่า1 และถ้าหากเป็นโรคที่ต้องรักษาตัวนาน หรือโรคร้ายแรง อย่างโรคหัวใจ โรคมะเร็ง หรือโรคทางสมอง ก็จะมีค่าใช้จ่ายในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไปอีก
การมีประกันสุขภาพจึงเป็นการวางแผนป้องกันความเสี่ยงทางการเงินในกรณีที่มีเงินค่ารักษาพยาบาลไม่เพียงพอ จนทำให้เราอาจต้องนำเงินเก็บมาใช้หรือเป็นหนี้เป็นสิ้นเพื่อหาเงินมารักษาตัว ทั้งยังช่วยให้เรามีโอกาสเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่ดีและรวดเร็วมากขึ้น เจ็บป่วยครั้งใดไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย สามารถรักษาตัวได้อย่างเต็มที่
2) ควรทำประกันสุขภาพเท่าไรดี?
ถ้าตอบแบบตรงไปตรงมาก็คงต้องบอกว่า ยิ่งมีความคุ้มครองเยอะ ยิ่งดีครับ แต่งบประมาณก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงต้องแบ่งพิจารณาสองส่วน คือ “ความคุ้มครองที่เราต้องการ” กับ “งบประมาณที่สามารถจ่ายได้” มาชั่งน้ำหนักกัน โดยมี 4 ขั้นตอนดังนี้
· ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบสวัสดิการที่มี ณ ปัจจุบัน
โดยทั่วไปแล้วเรามักจะมีสวัสดิการเรื่องการรักษาพยาบาลติดตัวอยู่บ้าง ขั้นตอนแรกเราต้องกลับมาตรวจดูที่ตัวเราก่อนว่า ณ ปัจจุบันเรามีสวัสดิการอยู่ที่ไหนและเท่าไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นประกันกลุ่ม ประกันสังคม บัตรทอง รวมถึงประกันสุขภาพเล่มที่มีอยู่ และมีผลบังคับใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน
· ขั้นตอนที่ 2 สำรวจว่าเราต้องการความคุ้มครองเท่าไร
จากนั้นให้ลองคิดดูว่าถ้าหากเจอเรื่องด่วนที่เราต้องแอดมิตเข้ารักษาตัวโรงพยาบาล เราจะเข้ารักษาที่โรงพยาบาลไหนเป็นหลัก แล้วลองตรวจสอบว่าค่ารักษาพยาบาลมีอัตราประมาณเท่าไร ทั้งค่าห้องและค่ารักษาพยาบาลในโรคทั่วไปรวมถึงโรคร้ายแรง เพื่อที่จะประเมินค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ได้
· ขั้นตอนที่ 3 หาส่วนต่างระหว่างข้อ 1 และข้อ 2
เมื่อเรารู้แล้วว่าเรามีสวัสดิการเท่าไร และความต้องการของเราเป็นอย่างไร เราก็จะเห็น “ส่วนต่าง” ที่เกิดขึ้น จากนั้น เราก็จะพอทราบตัวเลขคร่าว ๆ ว่าควรทำประกันสุขภาพในวงเงินเท่าไรเพื่อให้ครอบคลุมส่วนต่างตรงนี้ เช่น ในหมวดค่าห้องบางคนอาจจะมีประกันกลุ่มอยู่แล้วบางส่วน ก็มาดูต่อว่ายังขาดอีกเท่าไรจึงจะครอบคลุมค่าห้องได้ทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งเราควรคำนวณเผื่อไว้สักเล็กน้อยสำหรับอัตราค่ารักษาที่อาจเพิ่มขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อในอนาคตด้วย
· ขั้นตอนที่ 4 พิจารณาค่าเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม
เมื่อเราทราบวงเงินและความคุ้มครองที่ต้องการแล้ว ก็ต้องนำมาพิจารณาร่วมกับค่าเบี้ยประกันภัย เพราะแต่ละคนก็มีรายได้ รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน โดยอาจกำหนดงบประมาณในการทำประกันสุขภาพเบื้องต้นไว้ที่ประมาณ 10% ของรายได้ต่อปี เพื่อให้สามารถจ่ายได้ไหวในระยะยาว และไม่เป็นภาระที่หนักจนเกินไป ทั้งนี้อาจปรับเพิ่มหรือลดลงได้ตามวัตถุประสงค์ในการทำประกันและความจำเป็นของแต่ละคนครับ
3) ทำประกันสุขภาพตัวไหนดี? ควรทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย หรือ ประกันโรคร้ายแรง?
หากต้องการประกันสุขภาพที่ครอบคลุม AIA แนะนำว่าให้ทำ “ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย” คู่กับ “ประกันโรคร้ายแรง” ติดปลายนวมไว้ เนื่องจากเป็นแพ็กที่คุ้มค่าและครอบคลุมกว่า เพื่อรองรับการเจ็บป่วยทั้งจากโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง ซึ่งในกรณีที่เราเกิดป่วยเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมา ประกันทั้งสองตัวนี้จะทำหน้าที่ในการคุ้มครองที่แตกต่างกันแต่เกื้อหนุนกัน
สำหรับประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย จะเป็นประกันแบบที่มี “วงเงินค่ารักษา” ต่อปีให้แบบเหมาจ่าย ค่ารักษาเท่าไร ก็เบิกกับบริษัทประกันได้ตามวงเงินคุ้มครอง โดยจะมีข้อจำกัดเพียงบางรายการ เช่น ค่าห้องต่อวัน ค่าแพทย์ตรวจต่อวัน และค่ายากลับบ้าน ทั้งนี้รายละเอียดก็อาจจะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละกรมธรรม์ ดังนั้น ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจึงช่วยให้เราสามารถเข้าถึงการรักษาที่ดี พร้อมแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลได้
แต่สำหรับ ประกันโรคร้ายแรง จะให้ผลประโยชน์ในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยถ้าหากถูกวินิจฉัยพบว่าเป็นโรคร้ายแรง จะได้รับเป็น “เงินก้อน” ทันที ประกันโรคร้ายแรงจะช่วยให้เราสามารถนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างพยาบาลหรือคนดูแลที่บ้าน ค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการฟื้นฟูร่างกายเมื่อกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้าน ค่าเดินทางไปหาหมอ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันที่อาจได้รับผลกระทบจากการที่เราต้องพักรักษาตัวและขาดรายได้ เงินก้อนนี้จึงเข้ามาช่วยทำให้สามารถหมุนเวียนกระแสเงินสดให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ประกันโรคร้ายแรงจึงเข้ามาช่วยในการลดความเสี่ยงสภาพคล่องเมื่อเราเกิดวิกฤติได้ โดยไม่ต้องหันไปพึ่งพาใครแม้จะไม่มีเงินก้อนเก็บเอาไว้ก็ตาม
การซื้อประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายคู่กับประกันโรคร้ายแรงจึงสามารถตอบโจทย์คนที่มีภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากและคนที่ไม่มีเงินก้อนได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถช่วยแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ ไม่ว่าจะเจ็บป่วยกรณีใดก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นตัวจบที่ให้เราหมดห่วงเรื่องสุขภาพไปได้เรื่องหนึ่ง
4) ประกันสุขภาพฉบับเริ่มต้นที่แนะนำ
สำหรับใครกำลังมองหาประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายไว้แบ่งเบาค่ารักษา ขอแนะนำ AIA Health Saver (เอไอเอ เฮลธ์ เซฟเวอร์) ประกันสุขภาพเหมาจ่ายตัวเริ่มต้น ใหม่ล่าสุดจากทาง AIA ที่จะมา “ช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาล” ได้เป็นอย่างดี
AIA Health Saver ให้ความคุ้มครองแบบเหมาจ่ายสูงสุด 500,000 บาท* พร้อมเบิ้ลความคุ้มครองเป็น 2 เท่า รวม 4 ปีกรมธรรม์ กรณีตรวจพบโรคร้ายแรง** ให้ความคุ้มครองทั้งผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) พร้อมวงเงินบำบัดรักษาต่อปีกรมกรรม์ สำหรับค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการบำบัดรักษากรณี ล้างไต รังสี และเคมีบำบัด ค่าเบี้ยฯ เริ่มต้นเพียง 575 บาท*** ต่อเดือนเท่านั้น โดยประกันสุขภาพเหมาจ่าย AIA Health Saver สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน จนถึงอายุ 75 ปี และคุ้มครองจนถึงอายุ 99 ปี จึงเหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มต้นมีประกันสุขภาพฉบับแรก
5) ประกันโรคร้ายที่แนะนำให้มีติดปลายนวม
สำหรับประกันโรคร้ายแรงที่จะมาช่วย “เสริมสภาพคล่อง” ให้ในวันร้าย ๆ ขอแนะนำตัวเริ่มต้นอย่าง สัญญาเพิ่มเติม AIA CI Plus (เอไอเอ ซีไอ พลัส) ที่ให้ความคุ้มครองถึง 44 โรคร้ายแรง รับเงินก้อน 100% ของเงินเอาประกันภัย เมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงที่ได้รับความคุ้มครองตามคำนิยาม หรือเสียชีวิตไม่ว่าด้วยโรคร้ายแรงหรือไม่ จึงจ่ายเบี้ยไม่เสียเปล่า เพียงจ่ายเบี้ยฯ เริ่มต้นปีละหลักพันก็ได้รับความคุ้มครองสูงหลักล้าน* เลยทีเดียว
ที่มา : https://www.aia.co.th/th/health-wellness/content-hub/good-health/how-to-choose-health-insurance-for-beginners